แถลงช่าวผลการตัดสินรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี ๒๕๕๘

วันนี้ (12  พฤศจิกายน 2558)  เวลา 13.30 น.  ศาสตราจารย์ ดร. นพ.ประสิทธิ์  วัฒนาภา  คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล  ในฐานะรองประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์   นายเสข  วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ  ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์   และ ศ.นพ. วิจารณ์ พานิช   ประธานคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์  ได้ร่วมกันแถลงผลการตัดสินผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล  ครั้งที่ 24  ประจำปี 2558   ณ ห้องสมเด็จพระบรมราชชนก  ตึกสยามินทร์  ชั้น 2  โรงพยาบาลศิริราช    

ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล

สาขาการแพทย์ ได้แก่  ศาสตราจารย์นายแพทย์มอร์ตัน เอ็ม มาวเวอร์ (Professor M. Mower) จากประเทศสหรัฐอเมริกา     

สาขาการสาธารณสุข ได้แก่   เซอไมเคิล กิเดียน มาร์มอต (Sir Michael Gideon Marmot) จากสหราชอาณาจักร 

  

ทั้งนี้  มีผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2558 ทั้งสิ้น  51 ราย จาก  19 ประเทศ  คณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิชาการได้พิจารณากลั่นกรอง และคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ ได้พิจารณาจากผู้ได้รับการเสนอชื่อรวม 3 ปี คือปี 2558, 2557, 2556  และนำเสนอต่อคณะกรรมการมูลนิธิฯ    ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี  ทรงเป็นองค์ประธาน    ให้พิจารณาตัดสินเป็นขั้นสุดท้าย  เมื่อวันที่  30 ตุลาคม  2558 

โดยระยะเวลา 24  ปี ที่ผ่านมา  มีบุคคลหรือองค์กรได้รับรางวัลนี้แล้วทั้งสิ้น  70  ราย  ในจำนวนนี้มีผู้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ต่อมาได้รับรางวัลโนเบล รวม  4 ราย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งรางวัลโนเบล สาขาการแพทย์ประจำปี 2558  ผู้ได้รับรางวัล 2 ใน 3 คน  เคยได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลมาก่อน  คือ 

– ศาสตราจารย์ซาโตชิ  โอมูระ ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สาขาการแพทย์ ประจำปี 2540 จากผลงานการศึกษาวิจัยจุลชีพชนิดหนึ่งชื่อ Streptomyces avermitilis จนสามารถสังเคราะห์ยา Ivermectin ใช้รักษาและป้องกันโรคตาบอดจากพยาธิและโรคเท้าช้าง

– ศาสตราจารย์ตู โยวโยว เป็นสมาชิกของกลุ่ม China Cooperative Research Group on Qinghaosu and its Derivatives as Antimalarials ซึ่งได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สาขาการแพทย์ ประจำปี 2546 จากผลงานสารสกัดชิงเฮาซู จนสามารถพัฒนาเป็นยารักษาโรคมาลาเรีย

 

 

 

                  

ในอดีตอีก 2 ราย คือศาสตราจารย์แบรี่ เจมส์ มาแชล จากประเทศออสเตรเลีย ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สาขาการสาธารณสุข ประจำปี 2544 จากการค้นพบเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพลอรี่ เป็นสาเหตุของโรคกระเพาะอาหารเป็นแผล  ต่อมาได้รับรางวัลโนเบล สาขาการแพทย์ในปี 2548 ด้วยการค้นพบเดียวกัน

อีกท่าน คือ ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ฮารัลด์  ซัวร์ เฮาเซ่น จากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สาขาการแพทย์ ประจำปี 2548 จากการค้นพบเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก ต่อมาได้รับรางวัลโนเบล สาขาการแพทย์ ประจำปี 2551 จากการค้นพบเดียวกันและ 1 ราย ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกในเวลาต่อมาคือ แพทย์หญิงมากาเร็ต เอฟซี ชาน รับพระราชทานรางวัลสมแด็จเจ้าฟ้ามหิดล ปี 2549     และมีคนไทยเคยได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล  4 ราย  คือศาสตราจารย์นายแพทย์ประสงค์  ตู้จินดา และศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุจิตรา  นิมมานนิตย์  รับพระราชทาน ปี 2539  และนายแพทย์ วิวัฒน์  โรจนพิทยากร  และนายมีชัย  วีระไวทยะ  รับพระราชทาน ปี 2552

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล   เป็นรางวัลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ   พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งขึ้น      เพื่อถวายเป็นพระราชานุสรณ์แด่สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร  อดุลยเดชวิกรม  พระบรมราชชนก ในโอกาสจัดงานเฉลิมฉลอง 100 ปี  แห่งการพระราชสมภพ  1 มกราคม 2535  ดำเนินงานโดยมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์  ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธาน มอบรางวัลให้แก่บุคคลหรือองค์กรทั่วโลกที่มีผลงานดีเด่นเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ทางด้านการแพทย์ 1 รางวัล  และด้านการสาธารณสุข  1 รางวัล เป็นประจำทุกปีตลอดมา  แต่ละรางวัลประกอบด้วย เหรียญรางวัล,  ประกาศนียบัตร  และเงินรางวัล  100,000  เหรียญสหรัฐ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยุ่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์  พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2558   ในวันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ.2559 เวลา 17.30 น. ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง  โดยในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ.2559 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  ในฐานะผู้ริเริ่มรางวัลอันทรงเกียรติจะเชิญผู้รับพระราชทานรางวัลฯ    มาเยือนและแสดงปาฐกถา เกียรติยศ  ในผลงานที่ได้รับด้วย

 

 

 

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2558

สาขาการแพทย์

ศาสตราจารย์นายแพทย์มอร์ตัน เอ็ม มาวเวอร์

ศาสตราจารย์อายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เมืองบัลติมอร์

และศาสตราจารย์สรีรวิทยาและชีวฟิสิกส์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโฮเวอร์ด

กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

ศาสตราจารย์นายแพทย์มอร์ตัน  เอ็ม มาวเวอร์ เป็นผู้ร่วมคิดค้นเครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติชนิดฝังในร่างกาย หรือเอไอซีดี (AICD: Automatic Implantable Cardioverter Defibrillator) และเป็นผู้คิดค้นหลักของเครื่องรักษาหัวใจด้วยวิธีให้จังหวะ หรือซีอาร์ที (CRT: Cardiac Resynchronization Therapy)

ศาสตราจารย์นายแพทย์มอร์ตัน  เอ็ม มาวเวอร์ ขณะทำการวิจัยโครงการยาหลอดเลือดหัวใจ ณ โรงพยาบาลไซนาย เมืองบัลติมอร์ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ.2512 ได้ร่วมกับนายแพทย์มิเชล มิโรวสกี แพทย์ชาวอิสราเอล คิดค้นเครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติชนิดฝังในร่างกาย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีและอุปกรณ์สำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจห้องล่างเต้นผิดปรกติชนิดวีเอฟ (VF =ventricular fibrillation) และวีที (VT=ventricular tachycardia) ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันในผู้ป่วยโรคหัวใจได้

เครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติชนิดฝังในร่างกายนี้ ใช้ฝังไว้ในตัวผู้ป่วย สามารถทำงานได้ทันทีที่ผู้ป่วยเกิดภาวะหัวใจห้องล่างเต้นผิดปรกติ  โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยเครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดภายนอก ซึ่งอาจไม่มีอยู่ในบริเวณนั้น  ทำให้ลดอัตราการตายจากภาวะดังกล่าวได้มาก แนวคิดของอุปกรณ์นี้เริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ.2512 และมีการฝังเข้าในตัวผู้ป่วยเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2523  ต่อมาได้รับการอนุมัติให้ใช้ได้โดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2527 การศึกษาทางคลินิกในหลายสถาบัน พบว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจห้องล่างเต้นผิดปรกติในผู้ป่วยโรคหัวใจได้ดีกว่าการรักษาด้วยยาเพียงอย่างเดียว  ปัจจุบันมีการฝังอุปกรณ์นี้ประมาณ  ปีละ 200,000 คน และมีผู้ใช้อุปกรณ์นี้แล้วประมาณ 2-3 ล้านคนทั่วโลก มีประสิทธิภาพในการแก้ไขความผิดปรกติของการเต้นหัวใจสูง ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มาก รวมถึงช่วยให้ผู้ป่วยที่รอดชีวิตมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นด้วย

          ศาสตราจารย์นายแพทย์มอร์ตัน เอ็ม มาวเวอร์  สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัย แมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา  ฝึกอบรมเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอายุรศาสตร์โรคหัวใจ ณ โรงพยาบาลไซนาย  เมืองบัลติมอร์  มลรัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา 

 

 

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2558

สาขาการสาธารณสุข

      

เซอร์ไมเคิล กิเดียน มาร์มอต

ผู้อำนวยการสถาบันความเป็นธรรมด้านสุขภาพ และศาสตราจารย์ระบาดวิทยา  ภาควิชาระบาดวิทยา

  และสาธารณสุข ยูนิเวอร์ซิตี้คอลเลจลอนดอน มหาวิทยาลัยลอนดอน สหราชอาณาจักร

และนายกแพทยสมาคมโลก

                 

 

เซอร์ไมเคิล กิเดียน มาร์มอต มีผลงานสำคัญด้านการศึกษาวิจัยทางระบาดวิทยาอย่างเป็นระบบมานานกว่า 35 ปี โดยเน้นเกี่ยวกับบทบาทของเชื้อชาติ วิถีการดำเนินชีวิต เศรษฐานะ ความไม่เท่าเทียมกัน ปัจจัยทางสังคม และสิ่งแวดล้อม  ที่มีต่อสุขภาวะ ความอายุยืน และโอกาสในการเกิดโรคของประชากรในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงเสนอแนวทางการแก้ไขด้วยหลักปัจจัยทางสังคมที่มีผลต่อคุณภาพ (Social Determinants of Health) ซึ่งเป็นการประเมินปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ การป้องกันโรค และการสร้างเสริมพัฒนาศักยภาพของคนอย่างยั่งยืน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยชรา รวมถึงการคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ชุมชน อาชีพ และรายได้ ซึ่งรัฐบาลของประเทศอังกฤษได้นำองค์ความรู้นี้ไปพัฒนาประเทศ และได้กระจายออกไปอย่างกว้างขวางในทวีปยุโรป ต่อมาองค์การอนามัยโลกได้นำแนวคิดนี้ไปวางแผนกลยุทธ์เป็นนโยบายสาธารณะ มีผลต่อแนวทางปฏิบัติด้านสุขภาพทั่วโลก ส่งเสริมให้ประชากรมีสุขภาวะที่ดี ลดช่องว่างความไม่เท่าเทียมกันทางสุขภาพ  สร้างความเป็นธรรมด้านสุขภาพ  เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยของมวลมนุษย์หลายร้อยล้านคนทั่วโลก

เซอร์ไมเคิล กิเดียน มาร์มอต สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิตทางระบาดวิทยา  จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเมืองเบิร์กลีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา