วันนี้ (21 พ.ย.2551) เวลา 11.00 น. ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในฐานะรองประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายวรเดช วีระเวคิน รองอธิบดีกรมสารนิเทศ ปฏิบัติหน้าที่แทนอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ และศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช ประธานคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ร่วมกันแถลงผลการตัดสินผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ครั้งที่ 17 ประจำปี 2551 ณ ห้องสมเด็จพระบรมราชชนก ตึกสยามินทร์ ชั้น 2 โรงพยาบาลศิริราช
ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สาขาการแพทย์ ได้แก่ ศาสตราจารย์นายแพทย์ แซจิโอ เอ็นริเก้ เฟเรย์ร่า (Professor Sergio Henrique Ferreira) สาขาการสาธารณสุข ได้แก่ ศาสตราจารย์นายแพทย์ มิชิอากิ ทาคาฮาชิ (Professor Michiaki Takahashi) และศาสตราจารย์นายแพทย์ หยู หย่งซิน (Professor Yu Yongxin)
ทั้งนี้ มีผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2551 ทั้งสิ้น จำนวน 49 ราย จาก 19 ประเทศ คณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิชาการได้พิจารณากลั่นกรอง และคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ ได้พิจารณาจากผู้ได้รับการเสนอชื่อรวม 3 ปี คือปี 2551, 2550, 2549 และนำเสนอต่อคณะกรรมการมูลนิธิฯ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธาน ได้พิจารณาตัดสินเป็นขั้นสุดท้ายเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2551 โดยระยะเวลา 16 ปี ที่ผ่านมา มีบุคคลหรือองค์กรได้รับรางวัลนี้แล้วทั้งสิ้น 48 ราย ในจำนวนนี้ มี 2 ราย ที่ได้รับรางวัลโนเบลในเวลาต่อมา คือ ศาสตราจารย์นายแพทย์ แบรี่ เจมส์ มาร์แชล และศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ ฮารัลด์ ซัวร์ เฮาเซน
รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล เป็นรางวัลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชานุสรณ์แด่สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในโอกาสจัดงานเฉลิมฉลอง 100 ปี แห่งการพระราชสมภพ 1 มกราคม 2535 โดยการดำเนินงานของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธาน มอบรางวัลให้แก่บุคคลหรือองค์กรทั่วโลกที่มีผลงานดีเด่นเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ทางด้านการแพทย์ 1 รางวัล และการสาธารณสุข 1 รางวัล เป็นประจำทุกปีตลอดมา โดยผู้รับรางวัลจะได้รับเหรียญรางวัล ประกาศนียบัตร และเงินรางวัลมูลค่า 50,000 เหรียญสหรัฐ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จฯ พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2551 ในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2552 ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท โดยในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ.2552 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในฐานะผู้ริเริ่มรางวัลอันทรงเกียรติจะเชิญผู้รับพระราชทานรางวัลฯ มาเยือนและแสดงปาฐกถาเกียรติยศในผลงานที่ได้รับด้วย
รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2551
สาขาการแพทย์
ศาสตราจารย์นายแพทย์ แซจิโอ เอ็นริเก้ เฟเรย์ร่า (Professor Sergio Henrique Ferreira) ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์เมืองริเบเรา เปรโต มหาวิทยาลัยเซาเปาโล ประเทศบราซิล
ศาสตราจารย์นายแพทย์ เฟเรย์ร่า เป็นผู้ค้นพบโปรตีนเปปไทด์จากพิษงูชนิดหนึ่งของประเทศบราซิล ซึ่งมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตได้ นำไปสู่การศึกษาพัฒนายาในกลุ่ม ACEI ซึ่งยาตัวแรกคือ Captopril ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่ามีประสิทธิภาพในการลดความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยเบาหวานที่มีความดันโลหิตสูงร่วมกับความเสื่อมของไต สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากภาวะหัวใจล้มเหลวได้มาก
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์นายแพทย์แซจิโอ เอ็นริเก้ เฟเรย์ร่า ยังได้ค้นพบกลไกการออกฤทธิ์ของยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (non-steroidal anti-inflamnary drungs (NSAID = เอนเสด) และศึกษากลไกขั้นพื้นฐานที่เกี่ยว ข้องในการอักเสบ นำไปสู่การค้นพบยาในกลุ่ม COX-2 inhibitors เป็นความก้าวหน้าในวงการยากลุ่มเอนเสดอย่างมาก
ผลงานของ ศาสตราจารย์นายแพทย์แซจิโอ เอ็นริเก้ เฟเรย์ร่า เป็นที่ยอมรับกว้างขวางทั่วโลก ยากลุ่ม ACEI และ COX-2 inhibitor เป็นยาที่มีการสั่งใช้มากที่สุดตัวหนึ่ง ช่วยบรรเทาการเจ็บปวดและการอักเสบ ตลอดจนช่วยชีวิตผู้ป่วยหลายร้อยล้านคนทั่วโลก
สาขาการสาธารณสุข
ศาสตราจารย์นายแพทย์มิชิอากิ ทากาฮาชิ (Professor Michiaki Takahashi) ศาสตราจารย์เกียรติคุณและประธานกรรมการ มูลนิธิวิจัยโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัยโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
ศาสตราจารย์นายแพทย์ทากาฮาชิ ได้ศึกษาค้นคว้าวิจัยจนสามารถแยกเชื้อไวรัสจากโลหิตของเด็กชายอายุ 3 ขวบได้ ตั้งชื่อว่าสายพันธ์โอกะ (Oka) ตามชื่อของเด็กชายนั้น นำไปผ่านขบวนการขยายพันธุ์ในเซลล์เพาะเลี้ยง เพื่อให้อ่อนแรงลง แต่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันป้องกันไข้สุกใสได้ดี ได้มาตรฐานชีววัตถุตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก เป็นที่ยอมรับและถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก เช่นประเทศญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส รวมทั้งประเทศไทยด้วย ช่วยให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนนี้ เมื่อป่วยเป็นไข้สุกใส จะไม่ค่อยมีไข้ ไม่ค่อยเกิดแผลเป็น และหายป่วยเร็วกว่า นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กที่ได้รับวัคซีนนี้ เมื่อมีอายุมากขึ้นจะมีอุบัติการณ์และความรุนแรงของโรคงูสวัดน้อยกว่าเด็กที่เป็นไข้สุกใสตามธรรมชาติ ในผู้ใหญ่อายุมากกว่า 60 ปี วัคซีนนี้สามารถป้องกันการเกิดโรคงูสวัด ลดอาการแทรกซ้อนและป้องกันการลุกลามของโรคได้ จึงมีความเป็นไปได้ที่วัคซีนนี้จะถูกนำมาใช้ป้องกันโรคงูสวัดในคนสูงอายุด้วย
ไข้สุกใส หรือไข้อีสุกอีใส เป็นโรคซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส Varicella-zoster ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มไวรัส Herpes อาการของโรค เริ่มด้วยมีไข้ ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร และมีผื่นขึ้นที่ผิวหนัง พบได้ทั่วทุกภูมิภาคของโลก พบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี โดยทั่วไปไม่มีอาการรุนแรง แต่ติดต่อได้ง่าย อาการแทรกซ้อนที่พบไม่บ่อยคือ สมองอักเสบ ปอดอักเสบ ถ้าเป็นในผู้ใหญ่จะมีอาการรุนแรงและระยะเวลานานกว่า
ผลการคิดค้นวาริเซลล่าวัคซีนของ ศาสตราจารย์นายแพทย์มิชิอากิ ทากาฮาชิ นำไปสู่การใช้วัคซีนป้องกันไข้สุกใส อย่างกว้างขวางทั่วโลก บรรเทาความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ ตลอดจนลดอัตราตายจากไข้สุกใสของประชากร โดยเฉพาะเด็ก ๆ นับร้อยล้านคนทั่วโลก
ศาสตราจารย์นายแพทย์ หยู หย่งซิน (Professor Yu Yongxin) ผู้อำนวยการเกียรติคุณ แผนกวัคซีนไวรัส สถาบันควบคุมชีวเภสัชภัณฑ์แห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน
ศาสตราจารย์นายแพทย์หยู หย่งซิน ใช้เวลากว่าสามทศวรรษในการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาวัคซีนไข้สมองอักเสบ (Japanese Encephalitis vaccine) สายพันธุ์ SA 14-14-2 โดยผลิตจากเซลล์ไตของหนูแฮมสเตอร์ นำมาทดสอบในสัตว์ทดลองก่อนนำไปใช้ในคน พบว่ามีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และมีความปลอดภัยสูงในการป้องกันโรคไข้สมองอักเสบในเด็กได้ ทางการสาธารณรัฐประชาชนจีนจึงได้นำวัคซีนไข้สมองอักเสบฉีดให้เด็กมากกว่า 200 ล้านคน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2531 เป็นต้นมา และได้แพร่ขยายไปยังประเทศอินเดีย เกาหลี ศรีลังกา และเนปาล รวมทั้งประเทศไทยด้วยอีกหลายสิบล้านคน ทำให้การแพร่ระบาดของโรคนี้ในทวีปเอเชียลดลงได้มาก
โรคไข้สมองอักเสบ จีอี จัดเป็นโรคที่เป็นปัญหาสำคัญที่สุดในกลุ่มโรคไข้สมองอักเสบที่เกิดจากไวรัสที่แมลงเป็นพาหะนำโรค ซึ่งไม่มียารักษา แต่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน พบการแพร่ระบาดในทวีปเอเชีย ได้แก่ประเทศอินเดีย พม่า ลาว ไทย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ จีนและประเทศอื่น ๆ อีก โรคเคยระบาดในญี่ปุ่น เกาหลี ใต้หวัน แต่ปัจจุบันประเทศดังกล่าวควบคุมโรคนี้ได้ผู้ติดเชื้อไวรัสเจอี ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ อาการที่พบเป็นอาการทางสมองคือเยื้อหุ้มสมองและสมองอักเสบส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตหรือพิการ นับตั้งแต่กระทรวงสาธารณสุขบรรจุวัคซีนพื้นฐานไว้ในแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันของประเทศไทยปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคไข้สมองอักเสบ เจอี ลดน้อยลงมาก
ผลการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาวัคซีนไข้สมองอักเสบของ ศาสตราจารย์นายแพทย์หยู หย่งซิน นำไปสู่การป้องกันโรคที่ไม่มียารักษาได้ช่วยให้ผู้ป่วยทั่วภาคพื้นทวีปเอเชียรอดพ้นจากการเสียชีวิตหรือพิการได้หลายร้อยล้านคน
นายแพทย์ สุพัฒน์ วาณิชย์การ
เลขาธิการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์
21 พ.ย. 51